นับตั้งแต่ News Network เข้ามาบริหารในช่องเนชั่นทีวี (Nation TV) แบบเต็มตัว โดยดึงทีมงานทีนิวส์ (TNEWS) มาร่วมงานได้สักพักหนึ่งแล้ว ล่าสุดทีนิวส์ยกระดับการสร้างรายได้ให้กับเนชั่นด้วยการเปิดตัวเว็บไซต์ GNInternews.com เพื่อนำรายได้ให้กับเนชั่นผ่านการเปิดฟีเจอร์ Instant Article บน Facebook ซึ่งจะมีโฆษณาระหว่างการอ่าน
โดยเริ่มเห็นเว็บไซต์ดังกล่าวปรากฎในเพจเนชั่นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แต่ก็ได้รับเสียงวิพาษ์วิจารณ์ไม่น้อยในเรื่องความเหมาะสมของเนื้อหาที่นำเสนอ เพราะมีลักษณะเป็นข่าวที่จูงใจให้กดเข้าไปอ่าน (Clickbait) แต่จริงๆ ไม่มีเนื้อหาอะไรมากนัก รวมถึงกังวลถึงคุณภาพข่าวบนเพจเนชั่นที่จะมีลักษณะคล้ายกับเพจทีนิวส์
ทำให้อดีตกรรมการผู้อำนวยบริษัท Nation Broadcasting Corporation (NBC) อย่างนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ถึงกับต้องออกโรงโพส ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว แสดงความไม่พอใจที่เนชั่นเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอข่าว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ทีผ่านมา
พูดไม่ออก!! ครั้งนี้ทนไม่ไหวจริงๆ ไปไกลทำมากกว่าลอกข่าว ยึดอำนาจเพจเอาข่าวปลอมๆมาใส่แทนเลย ขอพึ่งองค์กรสื่อฯที่กำลังยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและจรรยาบรรณสื่อ
นายอดิศักดิ์กล่าว พร้อมกับนำภาพบนเพจเนชั่นมาลงประกอบ
ซึ่งทีนิวส์เคยมีกรณีคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นโดยไม่ได้มีการอ้างที่มาหรือไม่ได้รับอนุญาตตั้งแต่แรก จนมีบางสื่ออย่าง Spaceth.co ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอวกาศ-ดาราศาสตร์ ถึงกับต้องประชดประชันด้วยการเชิญร่วมดินเนอร์สุดหรูอบรวมมารยาทสื่อมาแล้ว
ก่อนหน้านี้เว็บไซต์และเพจของช่องสปริงนิวส์ (Spring News) ก็เคยมีลักษณะเป็นแบบเพจเนชั่น เพราะทีนิวส์เคยเข้าไปบริหารเช่นกัน
ต่อมาวันที่ 10 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ดร.เวทิน ชาติกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และ บรรณาธิการอำนวยการของทีนิวส์ ออกแถลงการณ์ชี้แจงระบุว่าเพื่อเข้ามากู้สถานการณ์ขาดทุนของเนชั่น หรือ NBC ให้ฟื้นขึ้นกลับมาเป็นกำไร ได้กล่าวชี้แจงในเรื่องที่เกิดขึ้นออกเป็น 5 ข้อใหญ่ๆ คือ
- ทีนิวส์ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาประโยชน์อะไรจากเนชั่น เพราะทีนิวส์มีกำไร แต่เนชั่นขาดทุน
- สื่อโซเซียลของเนชั่นกำลังวิกฤติ เพราะถูกเฟซบุ๊กระงับการสร้างรายได้เพราะเนชั่นนำเสนอข่าวละเมิดมาตรฐานของเฟซบุ๊ก
- เพจข่าวไม่ใช่เพจข่าวปลอม แต่เป็นเพจที่ทีนิวส์ยินยอมให้ทางเนชั่นมาใช้ชั่วคราวเพื่อแก้วิกฤติ
- เมื่อทีนิวส์เข้าไปบริหารจัดการ เนชั่นมีรายได้เพิ่มขึ้น และ เนชั่นเป็นผู้ได้ประโยชน์มากกว่า ไม่ใช่ทีนิวส์
- ทีนิวส์ก็เหมือนสำนักข่าวอื่นๆคือเผชิญผลพวงของ disruption อันเนื่องมาจากการเติบโตของสื่อโซเซียล แต่การปรับตัวเข้ามาทำข่าวบนสื่อออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการวิเคราะห์และพัฒนาการบริหารจัดการสื่อบนโซเซียลมีเดียได้แบบ Realtime ทำให้ทีนิวส์สามารถพลิกสถานการณ์ที่ขาดทุนมาเป็นกำไร (ปี 60 กำไร 11.54 ล้าน, ปี 61 กำไร 15.5 ล้าน) ท่ามกลางการถดถอยของธุรกิจสื่อโดยภาพรวม
อ่านแถลงการณ์รายละเอียดเต็มๆ ได้ที่เว็บไซต์ TNews
แทนที่จะมากลัวว่าใครจะเข้าไปหาประโยชน์จากเนชั่น คำถามที่ควรจะถามก็คือ ผู้บริหารชุดเก่าฯบริหารกันอย่างไร ผลประกอบการถึงขาดทุนอย่างมโหฬารขนาดนั้น
– ดร.เวทิน กล่าว
ล่าสุดบนเพจเนชั่นยกเลิกการลงข่าวจากเว็บไซต์ GNInternews.com โดยเปลี่ยนมาลงข่าวจากเว็บไซต์ “คมข่าวทั่วไทย” (Komkhaotuathai.com) แทนแล้ว
ย้อนดูสนธิญาณปรากฎตัวใน ‘คมชัดลึก’ ของเนชั่น
ก่อนหน้านี้ กสทช. สั่งระงับการออกอากาศรายการ “สนธิญานฟันธงตรงประเด็น” ของนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวทีนิวส์ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากเทปรายการเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2560 มีการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรมวิชาชีพ
ทำให้นายสนธิญาณตัดสินใจเลิกจัดรายการทางวิทยุและโทรทัศน์ตลอดชีวิต โดยบอกว่าถ้าหากตนถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 คนที่พิจารณาหรือดำเนินการก็เตรียมต่อสู้ในชั้นศาล
ล่าสุดความชัดเจนที่เห็นผ่านหน้าจอว่าทีนิวส์เข้ามาครั้งแรก คือการที่ ‘สนธิญาณ’ ได้กลับมาในฐานะกรรมการบอร์ด Nation Broadcasting Corporation (NBC) และมาปรากฎตัวในรายการ News Talk อย่าง ‘คมชัดลึก โดยมีผู้ดำเนินรายการ คือ ‘เอกรัฐ ตะเคียนนุช’ สนธิญาณให้เหตุผลในการเข้ามาปรากฎตัวในเนชั่นว่า
“ตั้งใจว่าจะไม่จัดการวิทยุและโทรทัศน์แล้ว ก็เบื่อหน่ายเรื่องการเมือง แล้วก็เบื่อหน่ายสภาพการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มาเป็นมนุษย์ ฟังดูแล้วจะแปลกๆ คืออยากอยู่ในสภาวะที่เงียบๆ แต่หลังจากที่ต้องมารับผิดชอบที่เนชั่น และพรรคพวกได้พูดคุยว่าน่าจะมาเป็นแขกของรายการคมชัดลึก เพื่อที่จะได้เอาสิ่งที่รู้ ข้อมูลที่มี มาทำประโยชน์ให้ประชาชนเข้าใจ” สนธิญาณกล่าว
ต่อมาสนธิญาณได้มาเป็น Commentator ประจำรายการใหม่ ‘คมชัดลึกสุดสัปดาห์’ ที่เน้นวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง โดยมีผู้ดำเนินรายการคนเดียวกันกับรายการคมชัดลึก