ปกรณ์วุฒิ ถาม ประวิตร ขายนาฬิกาสมทบหรือ? ถึงได้ขอบคุณออกอากาศทุกแมตช์

ปกรณ์วุฒิ ส.ส.ก้าวไกล ซัด กสทช. อนุมัติเงินรัฐซื้อลิขสิทธิ์ฉายฟุตบอลโลกประเคนนายทุน ถามประวิตรขายนาฬิกาสมทบด้วยหรือ? ถึงได้ขอบคุณออกอากาศทุกแมตช์


วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2565) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายตั้งคำถามกับการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนค่าลิขสิทธิ์บอลโลก และได้ตั้งคำถามต่อการกำกับดูแลว่าเมื่อรับเงินไปแล้ว นายทุนหรือประชาชนได้ประโยชน์กว่ากัน

ปกรณ์วุฒิ เริ่มต้นถึงความย้อนแย้งในการทำหน้าที่ กสทช. ว่าในฟุตบอลโลก 2014 บริษัท RS ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกมาทั้งหมด โดยเพื่อทำธุรกิจจากการให้ประชาชนซื้อกล่องทีวีดาวเทียม ซึ่ง กสทช. ได้บังคับใช้กฎ Must Have/Must Carry บังคับให้ถ่ายทอดฟุตบอลโลกลงในทุกช่องทางให้ทุกคนชมฟรี

แต่ปี 2022 ระหว่างที่กำลังถึงช่วงใกล้ฟุตบอลโลก ด้วยกฎเกณฑ์ที่ไม่สมเหตุสมผลของ กสทช. ทำให้ไม่มีเอกชนรายใดไปซื้อลิขสิทธิ์มาฉายในประเทศไทย กสทช. จึงต้องใช้งบชจากกองของ กสทช. จำนวน 600 ล้านบาท อุดหนุนให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปดำเนินการ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จนในที่สุด กกท. ก็ต้องไปเจรจากับเอกชนเพื่อลงขันซื้อลิขสิทธิ์ให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลก

แต่แล้วก็เกิดประเด็นจากกรณีที่ บริษัท True จ่ายเงินสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ 300 ล้านบาท แต่กลับทำข้อตกลงลับๆ กับ กกท. นำมาซึ่งปัญหาต่างๆ มากมาย

ประการแรก คือการที่ระหว่างการถ่ายทอด ผู้บรรยายได้ขอบคุณ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกอากาศทุกแมตช์ คำถามคือ พล.อ. ประวิตร ช่วยออกเงินด้วยหรือ? มีส่วนที่ พล.อ.ประวิตร ขายนาฬิกาเพื่อเอามาสมทบเงินค่าซื้อลิขสิทธิ์หรือไม่?

ประการต่อมา คือการที่ บริษัท True ได้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าคำขอบคุณ คือ ได้เลือกก่อนว่าจะถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลแมตช์ไหนลงในช่องของตัวเอง (True4U) ซึ่งทำให้เป็นการบีบออกอากาศในระบบ SD ทำให้ภาพไม่คมชัด และยังเกิดปัญหาตามมาอีกว่าถ้าใครอยากดูฟุตบอลโลก แม้จะดูผ่านอินเตอร์เน็ตได้ แต่ก็ต้องใช้ซิมการ์ด อินเตอร์เน็ตบ้าน และกล่องสมาชิกของ True เท่านั้น

กลายเป็นว่า True ได้สิทธิพิเศษราวกับเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ไปเจรจาจาก FIFA มาเอง ด้วยเงินการใช้เงินตัวเองจริงๆ เพียงแค่ 300 ล้านบาท (21.4%) และยังมีการออกแถลงการณ์ผ่านสื่อต่างๆ อ้างสิทธิ Over the Top (OTT) เป็นของตัวเอง ทั้งที่ OTT เป็นสิทธิที่ควรจะได้เพิ่มมาจากการซื้อลิขสิทธิ์หลัก

“เราได้อนุมัติงบประมาณของรัฐไปซื้อลิขสิทธิ์หลัก เพื่อนำสิทธิพิเศษมาขายในราคาถูกๆ ให้ True อย่างนั้นหรือ แล้วการดำเนินการใช้งบเช่นนี้ไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนหรือไม่?”

ปกรณ์วุฒิ ตั้งคำถาม

สุดท้าย ปกรณ์วุฒิ ตั้งคำถามดัง ๆ ไปถึง กสทช. ว่าขอให้ กสทช. ชี้แจงให้ได้ว่าสิทธิ OTT จะบังคับใช้เมื่อไหร่ให้ประชาชนสามารถดูฟุตบอลโลกได้ทุกช่องทางทางโดยไม่มีข้อจำกัดจริง ๆ และการใช้เงินกองทุนครั้งนี้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ กสทช. จะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพื่อให้การใช้เงินกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการอนุมัติไป