สำนักข่าว CNN รายงานว่า แอนโธนี บอร์เดน (Anthony Bourdain) พิธีกรภาคสนามของรายการท่องเที่ยวพาชิมอาหารตามประเทศต่างๆ ที่ชื่อว่า “Parts Unknown” เสียชีวิตแล้วในวัย 61 ปี คาดสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการฆ่าตัวตาย
สำนักข่าว CNN ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่า “แอนโธนี บอร์เดน” (Anthony Bourdain) พิธีกรภาคสนามของรายการ “Parts Unknown” รายการท่องเที่ยวพาชิมอาหารตามประเทศต่างๆ ที่พาผู้ชมไปรู้จักอาหารและวีถีชีวิตผู้คนตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก เสียชีวิตแล้วในวัย 61 ปี
ข่าวเสียชีวิตครั้งนี้เปิดเผยออกมาขณะที่บอร์เดนกำลังถ่ายทำรายการ “Parts Unknown” อยู่ที่ฝรั่งเศส โดยเพื่อนสนิทของบอร์เดน พบบอร์เดนนอนนิ่งอยู่ในห้องพักของโรงแรมเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ของ CNN ระบุว่า
เป็นเรื่องน่าเศร้าใหญ่หลวงกับการเสียชีวิตของ แอนโธนี บอร์เดน ที่ได้รับการยืนยันแล้ว เขาเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน เขาชื่อชอบการผจญภัย พบเจอผู้คนใหม่ๆ และชอบอาหารและเครื่องดื่มเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่ไม่มีใครเหมือน
และ “CNN ขอแสดงความเสียใจต่อบุตรสาวและครอบครัวของบอร์เดนมา ณ ที่นี้”
แอนโธนี บอร์เดน โลดเล่นวงการโทรทัศน์ของอเมริกามานาน ในตอนแรกเขาทำรายการ “A Cook’s Tour” ทางช่อง Food Network ต่อมาย้ายมาทำรายการ “Anthony Bourdain: No Reservations” ทางช่อง Travel Channel ซึ่งรายการ “No Reservations” ที่เขาทำนี้เอง ทำให้ได้รับรางวัล Emmy Awards ถึงสองครั้ง และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอีกหลายครั้ง
ในปี 2013 ได้ทำรายการ “Parts Unknown” ออกอากาศทางช่อง CNN จนได้รับรางวัล Peabody Award ด้วยเช่นกัน ซึ่งรายการ Parts Unknown Season 11 เพิ่งเริ่มออกอากาศทาง CNN ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ บอร์เดนยังเป็นผู้เขียนหนังสือและบทความอีกหลายชิ้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้อ่านในอเมริกา ในปี 1999 เขาเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ New Yorker ที่ชื่อว่า “Don’t Eat Before Reading This” จนกลายมาเป็นหนังสือขายดีในปี 2000 ที่ชื่อ “Kitchen Confidential: Adventures in the Culinary Underbelly”
การเสียชีวิตของ แอนโธนี บอร์เดน เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เคท สเปด เพิ่งเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายในอพาร์ตเมนต์ของเธอในนครนิวยอร์ก ซึ่งปัญหาการฆ่าตัวตายกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ระบุว่า อัตราการฆ่าตัวตายในหมู่คนอเมริกัน เพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดย 25 รัฐในสหรัฐฯ ในมีอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงขึ้นมากกว่า 30% อีกด้วย