‘สมเกียรติ อ่อนวิมล’ เห็นต่าง! เชื่อนักการเมืองมาจากสายสื่อได้

คนอดีตคนสื่อ ‘สมเกียรติ อ่อนวิมล’ ซัดเละเรื่อง “นักการเมืองถือหุ้นสื่อ” ชี้เห็นต่างตั้งแต่ร่าง รธน.40 เชื่อสื่อมวลชนสามารถเป็นนักการเมือง ตั้งคำถามถ้าไม่สื่อเข้าสภา แล้วจะมีใครในสภาที่สู้เพื่อสื่อมวลชน

ระบุสื่อเพลิดเพลินกับการถล่ม “อนาคตใหม่-ธนาธร” แบบไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆ ที่ถือหุ้นนิตยสารฉบับเล็กๆ เท่านั้น ระบุเรื่องเหล่านี้เกิดจาก คสช. และสื่อบางส่วนที่สนับสนุน คสช.

ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน อดีตผู้บริหารบริษัทสื่อชื่อดังหลายแห่ง ได้แสดงความเห็นถึงเรื่อง “นักการเมืองถือหุ้นสื่อ” ไว้ในเว็บไซต์ส่วนตัวที่ชื่อว่า Thaivision.com เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา

รายละเอียดของความคิดเห็นมีดังนี้

1. ผมคัดค้านเรื่องนี้มาอย่างสุดๆ ตั้งแต่เป็น สสร.1 ร่างรัฐธรรมนูญ และร่างกฏหมายลูก ปี 2540 แล้ว

สื่อมวลชนไม่ใช่อาชีพน่ารังเกียจของสังคมจนถึงขนาดถูกตัดสิทธิสิ้นเสรีภาพ และถูกอัปเปหิออกจากสารบบประชาธิปไตย 

ในระบอบประชาธิปไตย พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันด้วยเรื่องอันใด: เพศ, วัย, เชื้อชาติ, ศาสนา, สีผิว, ความคิด, อาชีพ ฯลฯ การตัดสิทธิทางการเมืองจนหมดโอกาสเสนอตัวรับใช้ชาติในรัฐสภา และในรัฐบาล ทำไม่ได้ เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย แถมเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ผู้ประกอบอาชีพสุจริตด้วย

 ที่จริงโจรผู้ร้ายและผู้ประกอบอาชีพทุจริตอื่นที่รัฐไม่สามารถสอบประวัติได้ ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของเขา

รัฐธรรมนูญกัมพูชาเขียนสั้นๆง่ายๆแค่ว่า “บุคคลอายุ 18 ปี มีสิทธิ์เลือกตั้ง และลงสมัครรับเลือกตั้ง” ผมกางรัฐธรรมนูญเขมรอภิปรายเรื่องนี้ แต่ล้มเหลว ไม่มีใครเอาด้วย 

ตอนผมเป็น สสร.1 ผมก็ภูมิใจที่มีสื่อสารมวลชนมาเป็น สสร.ร่วมกัน 5 คน บุญเลิศ-จากมติชน วรพจน์-ไทยรัฐ สมเกียรติ-แปซิฟิคฯ และ อีกสองคน หากสื่อมวลชนเป็นนักการเมืองไม่ได้ ใครจะมาต่อสู้เพื่อการสื่อสารมวลชน และใครจะมีหัวใจปกป้องความจริงสาธารณะ ขณะที่นักการเมืองอาชีพอื่นโกหกกันเต็มสภา

สื่อมวลชนนั่นเองที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 จนเกิดมาตรา 40 ว่าด้วยการจัดสรรคลื่นความถี่และการประกอบกิจการวิทยุ ทีวี และ internet ทำให้เกิด กสช. กสทช. เช่นในทุกวันนี้ ถ้าจะลำเลิกเอาบุญคุณชื่อเสียง ผมเองนี้แหละเป็นผู้เสนอร่างมาตรา 40 ในรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่แรกเริ่ม (ผมก็ไม่อยากให้ กสทช.ทำงานแบบทุกวันนี้ หากผมมีโอกาสรับเลือกตั้งเป็น สส. / สว. อีกที ก็จะแก้ไขสิ่งผิดๆ ที่เกิดขึ้นหลังรัฐธรรมนูญฉบับตามหลังมาที่ทำเสียหาย จนสื่อมวลชนกลายเป็นอาชีพต้องห้าม มิให้มีส่วนสร้างชาติ)

ในโลกนี้ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเลยจะห้ามสื่อมวลชนเป็นผู้แทนราษฎร เพราะสื่อมวลชนนั้นเป็นผู้แทนปวงชน เป็นปากเสียงของประชาชน มาตั้งแต่เกิดมีหนังสือพิมพ์ในศตวรรษที่ 17 แล้ว โดยไม่ต้องมีใครเลือกตั้ง

2. ไม่มีอาชีพไหนทำลายชาติโดยตรง มีแต่คนไม่ดีที่ทำลายชาติได้

ไม่ว่าจะเป็น หรือไม่เป็นผู้แทนราษฎร รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ต้องให้โอกาสแก่ประชาชนโดยเสรี ทั้งฝ่ายสมัครรับเลือกตั้งและฝ่ายลงคะแนนเลือกตั้ง ไมว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี-ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลความเห็นเฉพาะบุคคล- ล้วนต้องมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งสิ้น

3. ผมเศร้าใจที่สื่อมวลไทยไม่สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพของตนเองและสถาบันวิชาอาชีพของตนเอง

ทุกสื่อเพลิดเพลิน สะใจ พร้อมใจกันขย่มทุบทำลายคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของลูกชายผม กับ น้องช่อของผม, และพรรคอนาคตใหม่ของประชาชนผู้สนับสนุนจำนวนมาก รุมกันถล่มเจ้าของนิตยสารเล็กๆ ที่ผมไม่เคยอ่านกันอย่างไม่ลืมหูลืมตาดูตัวเองที่สิ้นเสรีภาพไปนานแล้ว ทั้งนี้ก็ด้วยฝีมือการทำลายสื่อของ คสช. ที่บรรดาสื่อสนับสนุนกันสนั่นเมืองนั่นเอง

พวกผู้ถือหุ้น ททบ 5, วิทยุทหาร – ยานเกราะ, ขสทบ, พล 1 รอ, อสมท, กรมประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ล้วนเป็นหุ้นของส่วนราชการ ที่จัดการโดยรัฐบาลทั้งนั้น  ทุกคนลอยนวลกันหมด

หากการมีหุ้นในนิตยสารเล็กๆ พิมพ์ให้อ่านกันบนเครื่องบิน เป็นพิษต่อประชาธิปไตย ถ้าเป็นอย่างนั้น การใช้หนังสือพิมพ์, การทำรายการโทรทัศน์ และ internet website -twitter-instagram- ของพลเมืองไทยทุกคน ก็จะเป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญไปด้วย

น่าเวทนาประเทศไทย! 
จะไม่เป็นประชาธิปไตยกันทั้งที ก็ยังไม่มีความเท่าเทียมกันในความไม่เป็นประชาธิปไตย.

 ใน The Thai Animal Farm ….
“สัตว์ทุกตัวไม่เท่าทียมกัน แต่มีสัตว์บางตัวมีความไม่เท่าเทียมกันมากกว่าสัตว์ตัวอื่น”

When it comes to democracy, we are number 1.
We are THAILAND 1.0!

Just ordinary guy who interested about current affairs, new media and technology. Now I'm Creative Content Creator and Co-founder of 'Yarmfaojor' (ยามเฝ้าจอ), Thailand TV Monitor by new generation.