รายงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของ 10 ข่าวเด่นวงการทีวี ปี 2561 อันดับที่ 6 จัดอันดับโดยทีมงาน ‘ยามเฝ้าจอ’
ปี 2561 ถึงแม้หลายคนมองว่าวงการทีวีซบเซาลงไปบ้าง เพราะการเริ่มเข้ามาของอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ทุกคน แต่ละครหลายๆเรื่อง ก็ยังได้รับความนิยมจากคนดูอยู่เช่นกัน
เริ่มด้วยละคร “บุพเพสันนิวาส” ละครมาแรงที่สุดแห่งปีของช่อง 3 HD โดยเป็นละครที่เล่าความเป็นไทย แต่ผสมความเป็นยุคสมัยใหม่ลงไป โดยละครเรื่องนี้ เริ่มโด่งดังจากหน้ามีม กิ๊ก สุวัจนี ของการะเกด แสดงโดย เบลล่า รานี หลังจากมีมนี้เริ่มแพร่ออกไป และ มีมุกที่สอดแทรกมาตลอดเรื่อง ทำให้ละครเรื่องนี้เรตติ้งมาแรงที่สุดของปีประจำช่อง 33 โดยเรตติ้งเฉลี่ยสูงถึง 13.4 เลยทีเดียว ซึ่งผิดจากปกติของช่องนี้ในยุคหลังอย่างมา
หลังจากนั้นมีการต่อยอดความสำเร็จจากเรื่องนี้มากมาย รวมถึงได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีอีกด้วย แต่ช่อง 3 นั้น ใช้กระแสนี้ต่อยอดในระยะเวลาที่นานเกินไป และ คนดูบางกลุ่มมองว่าเยอะเกินไป เช่น ละครนักสู้เทวดา ที่ ปรมะ อิ่มอโนทัย กับ กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล ซึ่งเคยแสดงบุพเพสันนิวาสร่วมกัน มาแสดงละครเรื่องนี้ โดยฉากที่ทั้งสองร่วมแสดง มีการสอดแทรกเพลงของบุพเพสันนิวาสลงไปในละครเรื่องนี้อีกด้วย รวมถึง ชุดสแตมป์เซเว่น ที่ใช้ โป๊ป กับ เบลล่า เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ไม่ได้เสียงตอบรับที่ดีเท่าไร และ มีเสียงบ่นตามมาอีกด้วย
ส่วนละคร “เกมเสน่หา” ถือเป็นละครอีกเรื่องจากช่อง 3 ที่มาแรง หลังจากกระแสบุพเพสันนิวาสจบ โดยมีนักแสดงนำคือ เจมส์ จิรายุ กับ แต้ว ณฐพร โดยสามารถทำเรตติ้งได้สูงสุดถึง 7.3 เลย
โดยหลังจากละครทั้ง 2 เรื่องนี้จบลง และกระแส “บุพเพสันนิวาส” หมดลง เรตติ้งของช่อง 3 ก็ทรงตัวเรื่อยมาจนถึงตอนนี้ และตลอดปี 2561 ที่ผ่านมา ผลประกอบการช่อง 3 ก็ยังอยู่ในสภาวะขาดอยู่
อีกเรื่องที่มาแรงเช่นกัน ฉายน้อยวัน แต่เนื้อหาถูกใจสังคม คือ “เมีย 2018” เป็นละครที่นำบทประพันธ์ “The Fierce Wife“ จากใต้หวัน มาทำในฉบับภาษาไทย โดยในช่วงแรก เรตติ้งอยู่แถวๆ 1 กว่าๆ
แต่หลังจากทางช่องวัน ได้ทำกลยุทธ์ ละครมาราธอน ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทำให้เรตติ้งจากเดิม ขึ้นไปถึง 4.150 และการบอกต่อในสื่อสังคมออนไลน์ ยิ่งทำให้ละครเรื่องนี้ ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจนจบไปแบบสวยงาม
อีกเรื่องที่เรตติ้งบนจออาจจะไม่สวยมากนัก แต่บนโลกออนไลน์มาแรง ร้อนเดือดเป็นไฟ นั้นคือ “เลือดข้น คนจาง” โดยเรื่องนี้ เล่าถึงความขัดแย้งในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน โดยมีตัวละครหลักในเรื่องเสียชีวิต แต่การเสียชีวิตนั้น เต็มไปด้วยปมต่างๆมากมาย สามารถออกได้ทุกแบบ โดยมีวลีเด็ดที่ดังไปทั่วโลกออนไลน์คือ “ใครฆ่าประเสริฐ”
ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากละครทั่วไป มีการขบคิดและทิ้งปม เทคนิคการถ่ายทำใช้วิธีแบบภาพยนตร์ ทำให้ละครเรื่องนี้ ได้รับความนิยมจากโลกออนไลน์มากๆ
แต่กลับกัน บนจอเรตติ้งไม่สวยงามนัก เนื่องจากเวลาฉายที่ไม่ต่อเนื่อง คือวันศุกร์และเสาร์ วันศุกร์ จะมาหลังจากรายการศาสตร์พระราชา ที่เวลาจบไม่เคยแน่นอน และ วันเสาร์ เวลา 20:10 น. โดยประมาณ
และกลุ่มหลักที่ดูละครเรื่องนี้ ไม่นิยมดูโทรทัศน์เวลานี้อีกด้วย แต่เมื่อสังเกตยอดชมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ กลับมียอดเข้าชมสูงมาก เคสของละครเรื่องนี้ เป็นกรณีศึกษาในการทำตลาดได้อีกเคสเช่นกัน
ส่วนเรื่องสุดท้ายที่จะมาพูดถึงกันก็คือ ละคร “สัมปทานหัวใจ” เป็นอีกเรื่องที่มาแรงของช่อง 7 เช่นกันครับ ได้เวียร์-ศุกลวัฒน์ เป็นพระเอกแสดงนำ ซึ่งละครเรื่องนี้สามารถกวาดเรตติ้งได้สูงถึง 9.5 ในตอนจบ ในขณะที่ภาวะปัจจุบันเรตติ้งดิจิทัลทีวีถูกแชร์กันออกไปนั้น การที่ได้ยอดเรตติ้งขนาดนี้ ถือเป็นทำได้ดีในระดับหนึ่งเลย
หากดูที่เรตติ้งจะพบว่าช่อง 7 นั้น เน้นทำละครขายกลุ่มต่างจังหวัดชัดเจน โดยสังเกตจากเรตติ้งแยกเป็นรายโซนจะพบว่าได้เรตติ้งในต่างจังหวัดสูงกว่าในกรุงเทพพอสมควร
แก้ไข-เรียบเรียงโดย Jenpasit Puprasert