ปมข่าว “รัสเซียบุกยูเครน” ทำพิษ! GMC ทีมจาก Top News ขอไม่ทำข่าวช่อง 5 ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ส่วน ผอ. ช่อง 5 “พล.อ. รังษี” ขอ “พ้นหน้าที่” ส่งไม้ต่อให้ พล.ท. วิสันติ ทำหน้าที่แทน มีผล 7 เม.ย. 65 ด้านอดีต ผปก. ช่อง 5 ชี้ถึงเวลาสำนักข่าวต่อต้านประชาธิปไตย ได้ระเห็จออกจากจอซะที
วันนี้ (29 มีนาคม 2565) วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ รายงานว่า เมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2565) พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 ได้ส่งหนังสือถึง พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ขอพ้นหน้าที่ไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ
โดยวันนี้ ก็มีกระแสข่าวว่า พล.อ. ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.ในฐานะประธานบอร์ด ททบ.5 มีคำสั่งให้ พลเอกรังษี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 พ้นจากหน้าที่ โดยให้ พลโท วิสันติ สระศรีดา อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำหน้าที่แทน ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2565 โดยมีเหตุมาจากการกรณีเข้าพบทูตรัสเซีย-ยูเครน
พลเอก รังษี เปิดเผยว่าการที่ พลเอกณรงค์พันธ์ มีคำสั่งแต่งตั้ง ผอ.ททบ.5 คนใหม่ ไม่ใช่การปลด แต่เพราะตนเองได้ ทำหนังสือถึง ผบ.ทบ. เพื่อขอพ้นหน้าที่ “ด้วยเหตุผลส่วนตัว”
ทางด้านของ กษิติ กมลนาวิน (ทอม) อดีตผู้ประกาศข่าว ททบ.5 ปี 2543-2550 และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ฝรั่งเศส ปี 2548 แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันนี้ ในหัวข้อ “สำนักข่าวสถุน ต่อต้านประชาธิปไตย ทำตนเป็นศัตรูกับประชาชน ได้เวลาระเห็จออกจากจอซะที”
โดยในโพสต์ระบุว่า “พี่ทอม พูดเสมอว่าสื่อมวลชน ไม่จำเป็นต้องเป็นกลาง สื่อจะเป็นซ้ายจัด เอียงซ้าย กลาง เอียงขวา หรือ ขวาตกขอบ ย่อมได้ สื่อในประเทศที่เจริญมีอิสระที่จะนำสิ่งที่มันอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมากองบนโต๊ะให้คนเห็นกันจะๆ พร้อมนำเสนอแง่มุมที่ตนมีความเชื่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้ การศึกษา พื้นเพ เผ่าพันธุ์ ความนิยม ฯลฯ”
“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นสื่อมวลชนคือ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ต่างหาก เพราะมีหน้าที่นำความจริงไปสู่มวลชน อันนี้ไม่ต้องเรียนหรอก แค่สำเหนียกก็พอ หากรู้ว่า สิ่งที่ตนนำเสนอนั้น เป็นเรื่องเท็จ แล้วยังนำเสนอหน้าตาเฉย จริยธรรมก็หมดสิ้น”
กษิติ กล่าวปิดท้าย
ย้อนปม ผอ.ช่อง 5 พบทูตรัสเซีย ทำพิษ จนต้องแก้เกี้ยวเข้าพบทูตยูเครน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พลเอก รังษี ยกทีมไปคุยกับ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย พร้อมลงนามความร่วมมือในการเสนอข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซียกับยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อสร้างถ่วงดุล การเสนอข่าวของสื่อในประเทศไทย และพยายามชี้ว่าปัจจุบันมีการเสนอข่าวตามสื่ออเมริกันและสื่อตะวันตก จนกลายเป็นเหยื่อสงครามข่าวสาร
พร้อมระบุว่า การซื้อข้อมูลจากฝั่งสื่อตะวันตก ต้องใช้เงินจำนวนมาก ขณะที่ข่าวจากความร่วมมือรอบนี้จะได้นำมาใช้แบบฟรี ๆ
แต่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเลือกข้าง และ ไม่เป็นกลาง สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศต่อองค์การสหประชาชาติ ว่าจะเป็นกลาง
ในที่สุด พลเอก รังษี ต้อง แก้เกี้ยว-แก้เกม ด้วยการไปเจรจากับ เอกอัครราชทูตยูเครน ประจำประเทศไทยและทำความร่วมมือในการเสนอข่าว เพื่อให้เกิดความเป็นกลางต่อทั้งรัสเซียและยูเครน
จากนั้น มีรายงานข่าวว่า ผู้ใหญ่ในรัฐบาล “ไม่สบายใจ” กับการเสนอข่าวของช่อง 5 ซึ่งเป็นสื่อของกองทัพบก ซึ่งก็เป็นหน่วยงานของรัฐบาล จึงมีคำสั้งให้ ช่อง 5 งดการเสนอข่าวสงครามรัสเซียและยูเครน
ต่อมาวันที่ 28 มีนาคม 2565 ยังพบว่าในการเสนอข่าวในรายการ “เที่ยง ททบ.5” รายการข่าวภาคเที่ยง ของ ททบ.5 ยังมีการเสนอข่าวสงครามรัสเซียและยูเครน จึงทำให้ ททบ.5 ตัดสัญญาณการออกอากาศ กลางคันทันที
ผู้สัดทันกรณีระบุว่า การลำดับข่าวที่นำเสนอนั้น ผู้ประกาศตัวท็อป อย่าง “อัญชะลี” มีส่วนร่วมด้วยอย่างชัดเจน และหลายคนต่างรู้ว่า “ไม่มีใครจะคุมเธอได้” และเมื่อคุยกันไม่ได้ ทำให้ช่อง 5 ต้องตัดสินใจตัดภาพกันกลางอากาศ เพื่อทำตามคำสั่งของช่อง 5 และรัฐบาล
และต่อมาเธอก็ได้โพสต์ระบายความอัดอั้นตันใจบนเฟซบุ๊กตั้งแต่เมื่อวานนี้ ดังนี้
การตัดสัญญาณเมื่อวานนี้ ส่งผลเกิดความไม่พอใจ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา โดยเฉพาะแฟนคลับ Top News ที่ตามมาดูถึงช่อง 5
จนเกิดข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมข่าว ใน ททบ.5 ทีมข่าว Top News (ที่มาในนามบริษัท GMC) จะถอนตัวออก ในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ แบบกะทันหัน
โดยวันนี้ พาดหัวข่าวรายการ “เที่ยง ททบ.5” ก็มีแต่ข่าวต่างประเทศ (ไม่มีข่าวในประเทศ) ยกเว้นข่าว “รัสเซียบุกยูเครน” ซึ่งน่าจะมาจากฝีมือเธอเช่นกัน